sakkapoom.blogspot.com

.......................................................
ผ่านทาง... สร้างประสบการณ์ ให้ชีวิต
ผ่านชีวิต... สร้างจิตสำนึก ต่อสังคม
ผ่านสังคม... มอบสิ่งดีงาม เอาไว้ให้
ผ่านไป... ชีวิตวางทางไว้เบื้องหลัง จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้หันกลับไปมอง.


29 ตุลาคม, 2557

ผู้เฝ้ามอง?



" คนเราตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
เพราะไม่สามารถเปลี่ยนบทบาทตนเองจาก ผู้ทุกข์ 
ไปสู่การเป็น ผู้เฝ้าดูความทุกข์ ได้

...วิปัสสนาในตอนนี้ จึงมีความสำคัญมาก 
ในความหมายที่ว่า... 
เราคือผู้เฝ้าดูความทุกข์ที่เกิดขึ้น. "


พระชาย วรธัมโม
30/10/2557












ขอนำคำอธิบาย วิปสสนา จาก... 

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ 

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

เจริญวิปัสสนา ปฏิบัติวิปัสสนา, บำเพ็ญวิปัสสนา, 
...ฝึกอบรมปัญญาโดยพิจารณาสังขาร คือ รูปธรรมและนามธรรมทั้งหมดแยกออกเป็นขันธ์ๆ กำหนดด้วยไตรลักษณ์ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือเห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้,
การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งรู้ชัดภาวะของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น
(ข้อ ๒ ในกัมมัฏฐาน ๒ หรือภาวนา ๒)
ดู ภาวนา, ไตรลักษณ์

วิปัสสนาญาณ ญาณที่นับเข้าในวิปัสสนาหรือญาณที่จัดเป็นวิปัสสนามี ๙ อย่าง คือ
๑. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ญาณตามเห็นความเกิดและความดับแห่งนามรูป
๒. ภังคานุปัสสนาญาณ ญาณตามเห็นจำเพาะความดับเด่นขึ้นมา
๓. ภยตูปัฏฐานญาณ ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว
๔. อาทีนวานุปัสสนาญาณ ญาณคำนึงเห็นโทษ
๕. นิพพิทานุปัสสนาญาณ ญาณคำนึงเห็นด้วยความหน่าย
๖. มุจจิตุกัมยตาญาณ ญาณหยั่งรู้อันให้ใคร่จะพ้นไปเสีย
๗. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ ญาณอันพิจารณาทบทวนเพื่อจะหาทาง
๘. สังขารุเปกขาญาณ ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร
๙. สัจจานุโลมิกญาณ ญาณเป็นไปโดยควรแก่การหยั่งรู้อริยสัจจ์



ไหนเลยจะพ้นทุกข์เล่า

บทเพลงอรหันต์




หลับตลอด ราตรี...
คลุกคลีกับหมู่คน ทั้งวัน...
 คนโง่เขลา  เช่นนั้น
ไหนเลยจะ พ้นทุกข์เล่า...
                                                    
  พระพุทธเจ้าทรงกล่าวแก่ พระนีต เถระ



สพฺพรตฺตึ  สุปิตฺวาน
ทิวา  สงฺคณิเก  รโต
กทาสฺสุ  นาม  ทุมฺเมโธ
ทุกฺขสฺสนุตํ  กริสฺสติ
                   ๒๖/๒๒๑/๒๗๙





*พระนีตเถระ ท่านเป็นบุตรพราหมณ์ชาวเมืองสาวัตถีคนหนี่ง  ออกบวชครั้งแรกไม่ได้บวชด้วยศรัทธา  บวชเพราะเข้าใจว่าพระสมณศากยบุตรมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย  หวังจะมีชีวิตสบายอย่างนั้นบ้างจึงไปบวช 
...เมื่อบวชแล้วเรียนกรรมฐานจากสำนักพระบรมศาสดา  ปฏิบัติเพียง ๒ – ๓ วันก็ละทิ้งไม่เอาใจใส่อย่างจริงจัง  ฉันอาหารจนอิ่มหมีพีมัน  คลุกคลีกับหมู่คณะ  ให้วันเวลาผ่านไปด้วยการพูดคุยแต่เรื่องไร้สาระ 
...พระพุทธองค์มิได้ว่ากล่าวตักเตือน  ทรงรอเวลาให้ “ อินทรีย์ ”  ท่านแก่กล้าเสียก่อน (รอความพร้อม)  เมื่ออินทรีย์ท่านแก่กล้าพร้อมที่จะได้รับการแนะนำแล้ว  พระพุทธองค์จึงทรงตำหนิท่านด้วยคำพูดที่รุนแรงดังข้างต้น  พระนีตเถระท่านรู้สำนึกตน  ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียร  ไม่นานก็บรรลุพระอรหันต์



.......................................................


18 ตุลาคม, 2557

ทำบุญด้วยแรง (ภาคกลางวัน)

ขั้นตอนการหล่อพระ 1.

1.วัดที่ต้องการจะสร้างพระ จะต้องมีทุนรอนก่อน งบอยู่ที่ประมาณ 2-2.5แสน
(วัสดุดิน ทราย ปูน เหล็ก ตามราคาตลาดครับ)

2.ทำฐานรับองค์พระ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางวัด บางวัดสร้างติดพื้น (ที่บนเขา)
บางวัดหมดค่าฐานเป็นล้าน (ถมดินยกชั้น)













3.วัดใดที่ทำฐานเสร็จแล้วก็กำหนดวันนำแม่พิมพ์มาประกอบ วัดกำหนดวันหล่อพระ และบอกบุญญาติธรรม จัดตั้งโรงทาน













4.สารพันวันงาน ในวันงาน ทางวัดก็จะมีแผ่นทองให้ญาติโยมเขียนดวง เขียนชื่อ อธิฐานจิตเพื่อบรรจุในฐานพระ หรือท่านใดจะนำพระ ถวายพระเนตร ถวายพลอยประดับอุณาโลม ตามแต่จิตศรัทธาครับ















5.เมื่อถึงเวลาหล่อพระ แรงงานชาวบ้านจากที่ต่าง ๆ ก็จะมารวมกันช่วยกันคนะไม้คนละมือ
ผู้ชาย ก็ขึ้นไปอยู่ตามนั่งร้าน ผู้หญิง ก็จะช่วยส่งถึงปูน และรับถังปูนเปล่ากลับ แผนก ตักหิน ตักทราย แบกปูน ก็ทำกันไปครับ ใครถนัดงานไหนก็รี่เข้าไปทำเลย ไม่มีใครว่า เหนื่อยก็พัก คนที่ว่างก็ผลัดเปลี่ยนกันมาทำแทน ไม่มีเกี่ยงไม่มีงอนกัน มาเอาบุญหน้าชื่นกันทุกคนครับ (ในภาพ อ.โหน่ง กะแว่นดำสัญลักษณ์ภาคสนาม)




6.พวกผมจะไปกัน 3-6 คน แล้วแต่รวบรวมอาสาสมัครได้มากน้อย แล้วแต่ว่าว่างมากว่างน้อย ถ้ามีเวลาก็อยู่แกะแบบ จนเสร็จ ไม่กลับก็นอนที่วัดเลย ถ้ารีบ ๆ เทแบบเสร็จก็กลับกันครับ กว่าปูนจะจับตัวได้ที่ ก็ราว ๆ 3 ชั่วโมงขึ้นไป เทแบบเสร็จก็สัก 6 โมงเย็น ชาวบ้านก็ทะยอยกันกลับ ก็จะเหลือไม่กี่คนที่รอแกะแบบครับ
(ปกติผมจะอยู่ยอดบนสุด แต่งานนี้ของานเบา ๆ ก่อน รอให้หายเดี๋ยวไปลุยใหม่)













7.ถายในองค์พระจะนำโอ่งใส่ พระที่ทางวัดเตรียมบรรจุ แผ่นดวง รายชื่อของญาติธรรม และองค์พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่มีผู้ถวาย
ที่มีโอ่งเพื่อให้องค์พระเบา แถมยังประหยัดปูนไปด้วย จะใส่โอ่งซ้อนกันขึ้นมา 3 ใบ ครับ






8.พิธีกรรมสำคัญคือ การบรรจุพระสารีริกธาตุ ที่ยอดบนสุด จากนั้นก็ปิดด้วยปูน ทำความสะอาดแบบแล้วก็รอปูนแห้งสัก 3 ชั่วโมง งานแกะแบบภาคกลางคืนจึงจะเริ่มต้น














โปรดติดตามชม - ภาคกลางคืน

16 ตุลาคม, 2557

"ฑูตแห่งมุ้ง"


เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของหนูน้อยคนหนึ่งชื่อว่า Katherine Commale อายุ 5 ขวบ ที่มีความคิดอันยิ่งใหญ่และลงมือทำมันด้วยความจริงใจ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่น่ายกย่องเป็นอย่างมาก

ปี 2006-4-6

หนูน้อย Katherine Commale อายุ 5 ขวบ ดูสารคดีของคนในทวีปแอฟริกา บอกว่า เฉลี่ย 30 วินาที ก็จะมีเด็กคนหนึ่งตายเพราะโรคมาลาเรีย เธอขดตัวอยู่บนโซฟา แล้วก็เริ่มนับนิ้ว 1-2-3-4….. ตอนเธอนับถึง 30 ก็สีหน้าตกใจ ตะโกนบอกแม่ว่า
“แม่ ๆ เด็กแอฟริกาตายไปแล้ว 1 คน เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
แม่เธอก็เข้าหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วบอกแคตเธอรีนว่า
“มาลาเรียเป็นโรคที่น่ากลัว เด็ก ๆ เมื่อเป็นโรคนี้ มักจะเสียชีวิต”
“แล้วทำไมถึงเป็นมาลาเรีย ?”
“มาลาเรียติดต่อโดยยุง แอฟริกามียุงเยอะมาก”
“แล้วทำไงดี ?”
“ตอนนี้มีมุ้งที่แช่น้ำยากันยุง เมื่อมีสิ่งนี้ ก็จะป้องกันคนไม่โดนยุงกัด”
“แล้วทำไมพวกเขาไม่ใช่มุ้งแบบนี้ละ ?”
“มุ้งนี้แพงเกินไปสำหรับพวกเขา ๆ ไม่มีปัญญาซื้อ”
“ไม่ได้ เราต้องทำอะไรแล้ว”

ผ่านไปหลายวัน แม่ได้รับโทรศัพท์จากครูที่ รร อนุบาล บอกว่า แคตเธอรีนไม่ได้จ่ายค่าขนม แม่ถามแคตเธอรีน เงินไปไหน

“ถ้าหนูอยู่ รร ไม่กินขนม ปกติไม่กินจุกจิก ไม่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่างนี้พอจะซื้อมุ้งได้ไม๊คะ ?”
แม่พาแคตเธอรีนไปห้าง ใช้เงิน 10 เหรียญ ซื้อมุ้งใหญ่ ๆ อันหนึ่ง พอเด็ก 4 คน แล้วก็โทรหาองค์กรการกุศลที่ทำงานในแอฟริกา ว่าจะส่งมุ้งไปได้ยังไง และก็บังเอิญเจอหน่วยงานนึ่งที่ชื่อ Nothing but net “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานนี้ จะส่งมุ้งไปให้เด็กแอฟริกาโดยเฉพาะ แคตเธอรีนจึงจัดการส่งมุ้งไปให้หน่วยงานนี้ด้วยมือของตัวเอง

ผ่านไป 1 สัปดาห์เธอได้รับจดหมายขอบคุณจากหน่วยงานนี้ ใน จม. บอกว่าเธอเป็นผู้บริจาคที่อายุน้อยที่สุด และบอกอีกว่า ถ้าบริจาคครบ 10 อัน จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ แคตเธอรีนขอให้แม่ไปเปิดท้ายขายของกับเธอ เอาหนังสือเก่า ของเล่น เสื้อผ้าเก่ามาขาย ๆ ได้เงินจะได้เอาไปบริจาค แต่ขายไม่ดีเลย เธอคิดว่า “ตอนหนูบริจาคมุ้ง เขายังให้ใบประกาศเกียรติคุณ งั้นคนอื่นซื้อของหนู ให้เงินหนู งั้นเขาก็ต้องได้รับเหมือนกันเน๊าะ” แล้วเธอก็เริ่มลงมือทำ ใบประกาศเกียรติคุณ แม่ช่วยเธอซื้อวัสดุ พ่อช่วยจัดห้อง น้องชายช่วยวาดรูปหัวใจแห่งรัก ใบประกาศเกียรติคุณทุกใบมีลายมือที่เขียนโดยตัวเธอเองว่า “ในนามของคุณ เราได้ซื้อมุ้ง 1 อัน ส่งไปแอฟริกา” แน่นอน มีลายเซ็นต์เธอด้วย
แค่บริจาค 10 เหรียญ ซื้อมุ้ง 1 อัน ก็จะได้ใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อนบ้านเห็นใบประกาศเกียรติคุณของเธอ รู้สึกว่าไร้เดียงสาอย่างน่ารักมากและก็ซาบซึ้ง แค่ไม่นาน ใบประกาศเกียรติคุณก็ถูกแจกออกไป 10 ใบ เธอก็ส่งเงินไปที่หน่วยงาน “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานก็ส่งใบประกาศเกียรติคุณและตั้งเธอเป็น “ฑูตแห่งมุ้ง”



คนที่หน่วยงานบอกแคตเธอรีนว่า มุ้งที่เธอบริจาคถูกส่งไปยังหมู่บ้านหนึ่งในประเทศกาน่า ในหมู่บ้านมี 550 คน
“โอ่ พระเจ้า แล้ว 10 อันพอใช้ที่ไหน”
เพื่อนบ้านนอกจากซื้อมุ้งจากแคตเธอรีนยังช่วยเธอทำใบประกาศเกียรติคุณ กลายเป็นทีมงานแคตเธอรีน
บาทหลวงในชุมชนก็เชิญเธอไปพูดในโบสถ์ พูดแค่ 3 นาที ก็ได้เงินบริจาคมา 800 เหรียญ ทำให้เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก เดินทางไปพูดที่โบสถ์อื่น ตอนเธออายุครบ 6 ขอบ ได้รับเงินบริจาคแล้ว 6316 เหรียญ
“ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” เอาเรื่องของเธอลงในเวป วันหนึ่งเธอเห็น เบคแฮ่ม ปรากฎตัวทาง TV ช่วยทำประชาสัมพันธ์การกุศลให้ “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” เธอรีบเขียนจดหมายขอบคุณไปให้เขา และแน่นอน เธอได้ส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้เขาด้วย 1 ใบ จากนั้นเบคแฮ่มเอาใบประกาศเกียรติคุณนี้ขึ้นเวปส่วนตัว เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปอีก

ปี 2007-6-8
เธอได้รับจดหมายจากหมู่บ้านที่รับมุ้ง เด็กในหมู่บ้านเขียนว่า

“ขอบคุณมุ้งของเธอ เราเห็นรูปเธอ เรารู้สึกว่าเธอสวยมาก”
แคตเธอรีนดีใจมาก ทำให้มีกำลังใจเพิ่มอีก เธอและทีมงานลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ 100 ใบ ส่งให้มหาเศรษฐีที่ติดอันดับในนิตยาสาร ฟร๊อบ
ในนั้นมีอยู่ใบนึงเขียนว่า “คุณบิลเกตที่เคารพ ไม่มีมุ้ง เด็กแอฟริกาจะตายเพราะมาลาเรีย พวกเขาต้องการเงิน แต่เงินอยู่ที่คุณ….”

ปี 2007-11-5

มูลนิธิบิลเกตประกาศบริจาคเงิน 3 ล้านเหรีญให้ “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง”

บิลเกตบอกว่า “ผมได้รับใบประกาศเกียรติคุณพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง บอกว่า เงินที่ซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เอาเงินออกมา ไม่ได้แน่”

ปี 2008
มูลนิธิบิลเกตออกเงินถ่ายทำสารคดี “เด็กช่วยเด็ก” แคตเธอรีนจึงได้เหยียบแผ่นดินแอฟริกา ตอนเธอเห็นพวกเด็ก ๆ เขียนชื่อเธอไว้บนมุ้ง พวกเขาเรียกมุ้งช่วยชีวิตนี้ว่า “มุ้งแคตเธอรีน”

หมู่บ้านนี้ เดี๋ยวนี้ชื่อว่า “หมู่บ้านแคตเธอรีน”
หนูน้อยแคตเธอรีนอายุ 7 ขวบ ได้ช่วยชีวิตเด็กแอฟริกาแล้ว 20,000 คน
พลังของความบริสุทธิ์นี้ จะยิ่งมายิ่งแรง เพราะทุกหัวใจของทุกคน ล้วนมีเด็กที่จิตใจบริสุทธิ์อาศัยอยู่

ทำอะไรก็ได้ ถ้าคิดว่าดี......
พลังของกาารคิดดี และตั้งใจทำดี จะส่งผลของมันให้เห็นแน่นอน.



15 ตุลาคม, 2557

ขุนเขายะเยือก




ขุนเขายะเยือก 

(บทกวีของผู้สันโดษ ฮั่นซาน) 



พจนา จันทรสันติ : แปล










...บิดามารดา ทิ้งมรดกไว้ให้ 
มากพอที่ข้าพเจ้าไม่ต้องอิจฉาผืนนาของใคร
กึกกัก กึกกัก เสียงภรรยาทอผ้า
เจี้ยวจ้าว เจี้ยวจ้าว เสียงลูกๆเล่น
ข้าพเจ้า ปรบมือ เร่งเร้า กลีบบุปผา ไหว
ดีดพิณ ฟังเสียงเพลงจากหมู่วิหค
ใครเล่าจะเห็นคุณค่าของวิถิชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้
ณ ที่นี้ เพียงมีคนตัดฟืนผ่านมาในบางครั้ง....





...กระท่อมฟางหญ้า คือ ที่พักพิง ของ คนป่าคนดอย
เปลี่ยวร้าง ห่างไกล จนยากที่จะพบเกวียน และ ม้าผ่านมา
แนวไพรสงบเงียบ ฝูงนกต่างมาสร้างรวงรัง
ลำธารกว้าง อุดมไปด้วย ฝูงปลา
ข้าพเจ้า ไปเก็บ ลูกไม้ป่า กับลูกๆ
ไปพรวนดิน ในผืนนา กับ ภรรยา
และในกระท่อม จะมีสมบัติสิ่งใด 
มีเพียง กองหนังสือ กองสุมบนเตียง...




01 ตุลาคม, 2557

ทุกชีวิตมีเหตุและผล


เรือสำราญลำหนึ่งเจอมรสุมทางทะเล
บนเรือมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง กระเสือกกระสนมาถึงเรือชูชีพ,
บนเรือชูชีพมีเพียงที่ว่างที่เดียว,

ทันใดนั้น,
สามีผลักภรรยาไปข้างหลัง,
ตัวเองโดดขึ้นไปบนเรือชูชีพ
ภรรยายืนอยู่บนเรือที่ค่อยๆจมลง,
ตะโกนไปที่สามีประโยคหนึ่งว่า....

เล่าถึงตอนนี้,
อาจารย์ถามนักเรียน:
พวกเธอลองเดา ว่าผู้หญิงจะตะโกนว่าอะไร?

พวกนักเรียนต่างโกรธเกรี้ยว,
ต่างพูดว่า:
ฉันเกลียดคุณ ฉันมันตาบอด

ณ บัดดล อาจารย์สังเกตุเห็นนักเรียนคนหนึ่งไม่พูดไม่จาตลอดเวลา,
ก็เลยถามเธอ
นักเรียนคนนี้พูดว่า
อาจารย์ หนูคิดว่าผู้หญิงคงจะตะโกนว่า---ดูแลลูกเราให้ดีดีนะคะ

อาจารย์ตกใจ ถามว่า
เธอเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้แล้ว ใช่ไหม?
นักเรียนสั่นหัว
"ไม่เคย แต่ตอนแม่หนูป่วยหนักก่อนตาย ได้พูดแบบนี้กับพ่อหนูค่ะ"

อาจารย์ซึ้งใจและพูดว่า
คำตอบถูกต้อง
เรือจมลงไปแล้ว ผู้ชายกลับไปถึงบ้าน,
เลี้ยงดูบุตรสาวตามลำพังจนโต

หลายปีผ่านไป ผู้ชายป่วยตาย,
ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ พบไดอารี่ของพ่อ

ที่แท้ พ่อกับแม่ไปเที่ยวเรือสำราญ
แม่ก็ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
เงื่อนเวลาแห่งความเป็นความตาย,
พ่อฉวยโอกาสเดียวที่จะรอดชีวิต

เขาเขียนในไดอารี่ว่า...
ฉันอยากจะจมลงใต้ทะเลพร้อมเธอ
แต่ฉันทำไม่ได้ เพื่อลูกสาว ฉันจำต้องให้เธอนอนหลับยาวอยู่ใต้ทะเลลึก

นิทานเล่าจบ ห้องเรียนเงียบกริบ,


อาจารย์รู้ว่า...
นักเรียนต่างก็เข้าใจนิทานเรื่องนี้กันหมดแล้ว

...ความดีและความชั่วในโลกนี้
บางครั้งดูสับสนไม่ชัดเจน แยกแยะไม่ออก,
เพราะฉะนั้น อย่าตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน

...คนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อน
ไม่ใช่เพราะมีเงินมากไป แต่ให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง

...เวลาทำงาน คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่น
ไม่ใช่เขาโง่ แต่เขารู้หน้าที่

...หลังจากทะเลาะกัน คนที่ขอโทษก่อน
ไม่ใช่เขาผิด แต่เขารู้จักทนุถนอมคนข้างกาย

คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ ไม่ใช่ติดค้างอะไรคุณ
แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้

...คนที่ส่งข่าวสารให้คุณบ่อยๆ
ไม่ใช่ว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะว่าในใจเขามีคุณ.




*ขอบคุณบทความดีดีที่ส่งต่อๆ กันมาจาก Line

*ขอบุคณภาพสวยๆ ซึ้งๆ จาก GOOGLE



10ปี



โกวเล้ง

เขียนในนิยายตอนหนึ่งว่า...


"ชีวิตคนเรา จะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน"

ถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี
เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง



๐ สิบปีแรก..หมดไปกับความไร้เดียงสา

๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน

๐ สิบปีต่อมา.หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต

๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว

๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่สร้างมา

๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกาย-ใจให้แข็งแรง

๐ สิบปีสุดท้าย..หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้าน




แต่ละสิบปีผ่านไป...ไวเหมือนโกหก อีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป 
มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมาย และก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ

เรารู้ว่าเราใช้ "สิบปี" ของเราไปกี่ครั้งแล้ว
แต่เราไม่อาจรู้ว่า...เราจะใช้ "สิบปี" ที่เหลือของเราได้ครบมั้ย?

แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราใช้เวลาสิบปีของเราไป
คุ้มค่าหรือเปล่า?

เมื่อเราหันหลังกลับมาขอให้พูดได้เต็มปากว่า...

"เราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย"


-------------------------
ที่มา: แชร์ต่อกันมาจากอินเตอร์เน็ต