นิตยสาร FINANCIAL freedom ...(คิดต่าง ทางเดียวกัน)
volume 01 number 07 APRIL 2007
ปี ๒๕๔๙ เป็นปีแห่งการรณรงค์ให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง เนื่องในวโรกาสทรงครองราชครบ ๖๐ ปี ช่วงกลางปีนั้นผมและคณะมูลนิธิมวยไทยไชยา ได้เดินทางไปที่วัดต่าง ๆ หลายวัดในเขตจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมสร้างพระ
พวกเราได้รับข่าวจากสมาชิกมูลนิธิมวยไทยไชยาคนหนึ่ง ซึ่งเคยบวชเรียนที่วัดที่จัดสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แรกเริ่มนั้นพระอาจารย์วีระและพระลูกวัดทำการหล่อพระกันเอง ด้วยกำลังพระเพียงสิบกว่ารูป ผสมปูน เทปูนกันเองมาสองวันสองคืนแล้ว แต่งานยังไม่คืบหน้า ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากมากที่แรงงานเพียงสิบกว่าคนกับงานเทปูนหล่อพระหนักนับร้อยตัน
พระอาจารย์วีระท่านจึงโทรมา ขอแรง...ให้ไปช่วยกันสร้างพระ งานนี้ไม่ต้องการเงินบริจาค ไม่ต้อการปัจจัยอื่น หากแต่ต้องการแรงงาน กำลังกายเท่านั้น... ซึ่งหลังจากงานนั้นเป็นต้นมา ผมและคณะก็ถือเป็นกิจวัตรสำคัญที่ต้องไปทำ เมื่อทราบข่าวว่าแม่พิมพ์พระองค์นี้ถูกนำไปจัดสร้างที่วัดใด พวกเราก็จะตามไปร่วมทำบุญด้วยแรงเกือบทุกครั้ง หากระยะทางไม่ไกลนัก
พระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์นี้หน้าตักกว้าง ๕ เมตร ๙๐ / สูง ๘ เมตร จัดสร้างขึ้นโดยพระอาจารย์วิโรจน์ เจ้าอาวาสวัดสะพัง กำแพงแสน นครปฐม เมื่อสร้างเสร็จได้ทำพิมพ์ไว้ แม่พิมพ์พระใหญ่องค์นี้ถูกนำไปจัดสร้างในหลาย ๆ วัด ส่งต่อกันมาจนถึงวัดในจังหวัดกาญจนบุรี (ปัจจุบันได้สร้างพระจากแม่แบบนี้ให้กับวัดต่าง ๆ ไปแล้วกว่า ๒๐ องค์ / ปี ๒๕๔๙)
การสร้างพระเริ่มจากทุนสองแสนบาท จากการรับบริจาคทั่วไปหรือจากผู้มีจิตศรัทธาขอเป็นประธานในการจัดสร้างโดยตรง โดยทุนที่ได้นำไปซื้อวัสดุในการก่อสร้าง อิฐ หิน(นิล) ปูน ทราย เหล็ก ฯลฯ จากนั้นก็ก่ออิฐขึ้นฐานที่ตั้งองค์พระและผูกเหล็กแบบขึ้นรูปแล้วจึงนำแม่พิมพ์มาประกอบ จากนั้นจึงเริ่มผสมปูนทรายและนิล (เป็นความเชื่อเรื่องแร่รัตนชาติ ซึ่งนิลในแถบนั้นหาได้ง่ายทั้งยังมีราคาไม่สูงมาก) ผู้มีจิตศรัทธาทั้งพระและฆารวาส ทั้งชายหญิงจะมาช่วยกันผสมปูน รับถังปูนส่งกันเป็นทอด ๆ ขึ้นไปยังองค์พระ เทปูนลงในแบบ ถังแล้วถังเล่า ตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนตกบ่าย ใครเหนื่อยล้าก็จะมีคนคอยผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่แทน เมื่อปูนถูกเทมาถึงช่วงคอองค์พระก็จะหยุดเพื่อนำโอ่งลายมังกรใบใหญ่สองใบส่งต่อกันขึ้นมา โอ่งใบหนึ่งบรรจุแผ่นชะตาซึ่งผู้มาร่วมงานจะเขียนชื่อ นามสกุลและวันเดือนปีเกิด ไว้ในแผ่นดวงนี้นำฝากไว้ในองค์พระใหญ่ เป็นเสมือนฝากดวงชีวิตของตนไว้กับองค์พระพุทธเจ้า ส่วนโอ่งอีกใบจะใส่พระพุทธรูปหรือพระประจำวันเกิดที่ชาวบ้านนำมาถวายวัดเพื่อบรรจุไว้ในองค์พระด้วย
เมื่อตั้งโอ่งสองใบไว้ในช่วงพระพักต์พระพุทธรูปผูกเหล็กไว้ดีแล้ว ก็จะเทปูนอีกรอบจนปูนเต็มพระเศียรก็จะหยุดเพื่อผูกเหล็กและประกอบแบบช่วง พระเกตุมาลา (รัศมีที่อยู่เหนือเศียรของพระพุทธรูป) ซึ่งในขั้นตอนนี้พระทั้งวัดจะเริ่มสวด ชยมงคลคาถา อัญเชิญ พระธาตุ นำขึ้นประดิษฐานไว้ในพระเกตุมาลานี้ จากนั้นจึงเทปูนขั้นสุดท้ายปิดพระเกตุมาลา เป็นเสร็จพิธี
เมื่อองค์พระแล้วเสร็จผู้คนเริ่มทยอยกันกลับ แต่งานหลักของพวกเรากำลังจะเริ่ม เมื่อปูนจับตัวกันดีแล้ว (ราว ๓ ชั่วโมง) ก็ถึงขั้นตอนการแกะแม่พิมพ์ ขั้นตอนนี้ต้องการความปราณีตบรรจงมาก เมื่อถอดน็อตจากแบบ ออกแล้วจะต้องค่อย ๆ แกะแบบและแซะปูนตามรอยต่อแม่พิมพ์ออก เนื้อปูนถึงจะจับตัวกันแล้ว แต่ก็ยังไม่แห้งแข็ง ขั้นตอนนี้ปูนจะเร่งคลายความร้อนออกทำให้น้ำในเนื้อปูนกลายเป็นละอองไอ ลอยขึ้นมารอบ ๆ องค์พระใหญ่ ค่ำคืนที่อากาศหนาวเย็นการทำงานรอบองค์พระนับว่าอบอุ่นจนถึงร้อนเหงื่อตกได้เลยที่เดียวครับ
ทุกครั้งที่ไปร่วมงาน ผมจะได้เห็นภาพของความสมัครสมานสามัคคีกันของผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาจากที่ต่าง ๆ มาเพื่อลงแรงร่วมมือร่วมใจกัน มีศูนย์รวมจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หลาย ๆ คนนำอาหารและน้ำมาช่วยในงาน ผมเห็นคนทุกเพศทุกวัยหลากหลายอาชีพและฐานะทางสังคม มาช่วยกันอย่างแข็งขันอยู่กลางแดด ทั้งขนทราย ตักนิล ส่งปูน เทปูน ทำอาหาร ส่งน้ำ อย่างเต็มที่เต็มใจ ไม่มีเกี่ยงว่าใครทำมากใครทำน้อย แม้ผู้เฒ่าผู้แก่ก็มานั่งพนมมือสวดมนต์กันในศาลา ร่วมอำนวยอวยชัยให้พระใหญ่สร้างสำเร็จ เป็นภาพที่ยังความปลาบปลื้มยินดีแก่สาธุชนผู้พบเห็นยิ่ง...
งานในหนึ่งวันจากเช้าจนดึก... (๑๐ – ๑๕ ชั่วโมง) พระใหญ่องค์นี้จะตั้งเด่นเป็นสง่าให้ผู้มีจิตศรัทธาในพระศาสนาเคารพกราบไหว้ต่อไปอีกกว่าร้อยหรือสองร้อยปี นับว่าคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อแรงกายที่ทุ่มเทลงไปอย่างมาก ยังจะมีกิจกรรมดีดีอย่างนี้อีกในอนาคต ผมได้ทราบข่าวมาว่าเวลานี้ แม่พิมพ์พระองค์นี้ถูกนำไปยังภาคใต้แถบจังหวัดตรังและจะถูกนำไปจัดสร้างอีกหลาย ๆ วัดทั่วประเทศ...
เมื่อคุณได้อ่านบทความนี้แล้ว คุณเองก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานบำเพ็ญประโยชน์นี้ได้ ด้วยเพียงร่วมยินดีในการสร้างพระใหญ่ไปกับพวกเราด้วย พร้อมกับตั้งจิตให้สงบ ตั้งใจให้เป็นกุศล ร่วมอนุโมทนาบุญ (พร้อมยกมือพนมจรดหน้าผาก) แล้วเปล่งคำว่า ......สาธุ
ด้วยการ “ออกแรง” เพียงเท่านี้ จิตใดที่บริสุทธ์สงบสะอาด ปราศจากความเศร้าหมอง ขุ่นเคือง จิตใดที่พลอยยินดีในกุศลธรรมอันประกอบขึ้นโดยไม่เจือความโลภ,โกรธ,หลง บุญ ย่อมเกิดกับจิตที่เป็นมหากุศลดวงนั้น.
............................................
* บุญ น. ความดี, ความดีความงาม, (ปาก) กุศลที่เกื้อหนุนมาแต่อดีต เช่น เขาเป็นคนมีบุญ รากศัพท์ทำว่า บุญ มาจาก ภาษาบาลี – ปุญญ / สันสกฤต – ปุญย (พจนานุกรม ฉบับมติชน)
* บุญ เครื่องชำระสันดาน, ความดี, กุศล, ความสุข, ความประพฤติชอบทางกาย วาจาและใจ, กุศลธรรม (พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์)
*ปัจจุบัน ปี2552 แม่พิมพ์นี้ได้ถูกนำไปจัดสร้างพระพุทธรูปแล้ว 155 องค์ และยังคงจัดสร้างอยู่
sakkapoom.blogspot.com
.......................................................
ผ่านทาง... สร้างประสบการณ์ ให้ชีวิต
ผ่านชีวิต... สร้างจิตสำนึก ต่อสังคม
ผ่านสังคม... มอบสิ่งดีงาม เอาไว้ให้
ผ่านไป... ชีวิตวางทางไว้เบื้องหลัง จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้หันกลับไปมอง.
ผ่านทาง... สร้างประสบการณ์ ให้ชีวิต
ผ่านชีวิต... สร้างจิตสำนึก ต่อสังคม
ผ่านสังคม... มอบสิ่งดีงาม เอาไว้ให้
ผ่านไป... ชีวิตวางทางไว้เบื้องหลัง จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้หันกลับไปมอง.
25 ตุลาคม, 2550
หลวงปู่มั่น สอนธรรม
06 กันยายน, 2550
" เทวตานุสติ "
ชุด เพียงเป็น...เห็นพอ
" เทวตานุสติ "
เอาล่ะ...พวกเรามี องค์จุตคาม ไว้แขวนบูชากันครบทุกคนแล้วหรือยัง ?
นี่ถ้าไม่พูดถึงเรื่อง จุตคามรามเทพ เลยในรอบปีนี้ก็คงจะถูกหาว่าเชยเสียแล้ว
ในยุคเทวาภิวัฒน์ โหมกระหน่ำสื่ออย่างรุนแรง ท้าทายความเชื่อความศรัทธาที่เคยมีมา เป็นศรัทธาที่ครอบอยู่ด้วยความหวัง ความหลงงมงายอยากได้ใคร่มี ที่ต้องสะกิดกันไว้บ้าง แต่อย่ากระนั้นเลย ถึงจะมีแต่ศรัทธาเพียงบางส่วน ก็ยังนับว่ามีดีอยู่บ้าง ก็ขอให้หันมามองในส่วนดีที่ได้กันจะดีกว่า พวกเราจะได้ใช้สมองด้านดีดีทำงาน ขบคิด มองโลกในแง่ดีนิด คิดเผื่อให้สังคมสักหน่อย เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่คอยทอดถอนลมหายใจ เพื่อให้ใครบ้างคนได้คิด สักคนก็ยังดี...
หลายคนยังไม่รู้เลยว่า องค์พ่อจตุคามรามเทพ ที่กำลังดังกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่นี้ท่านเป็นใคร ? ทำอะไรเอาไว้ ทำไมพวกเขาถึงได้อัญเชิญขึ้นคอกันที ๓ - ๔ องค์ใหญ่ ๆ เบียดเอาที่พระพุทธ-พระสงฆ์ที่เคยครองใจลงไปได้ ทำให้ราคาในแผงเช่า ในตลาดพระเครื่อง,เทพเครื่อง ปั่น ปั่น ปั่นและป่วนไปทั่วประเทศ ธุรกิจในเครือหลากหลายต้องพลอยเดือดร้อนกับใบรายการสั่งซื้อสินค้าที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เงินทองสะพัดไปทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวพันอยู่ แม้กระทั้ง พี่พรรับปะเสื้อผ้า น้าชัยคนขายไก่ย่าง ก็พลอยติดหางเลขไปด้วย รวยไปหลายหมื่นบาท เพราะความหาญกล้าไปท้าทาย ราชันดำ จ้าวแห่งทะเลใต้ องค์นี้เข้า ยิ่งทำให้ จตุคามฯ แน่จริง ดังจริง รวยจริง แบบไม่ต้องการเหตุผลกันขึ้นไปอีก เอ้า! ขอได้ ไหว้รับ...
ผู้เขียนเองก็ไม่ได้ตกยุค เพราะได้รับเหรียญจตุคามฯ ปี ๓๐ มาองค์หนึ่งจากพี่ที่นับถือกัน เมื่อหลายปีมาแล้ว ได้แต่ถามว่า “ พระอะไรครับ ? พี่ ” และถามความเป็นมา พี่เขาก็บอกเพียงว่า " ท่านเป็นผู้ปกป้องพุทธศาสนาในยุคอาณาจักรศรีวิชัยโน่น " งั้นก็เท่ากับว่า เหรียญที่ให้มีความเกี่ยวพันและมีส่วนช่วยส่งเสริมพุทธศาสนา ผมรับไว้และขอบคุณมากครับพี่...
ในฐานะพุทธมามกะ (ผู้ประกาศตนว่านับถือพระพุทธศาสนา) ใคร่ขอให้ทุกท่านมองเหตุการณ์นี้ด้วยปัญญาอย่างพุทธะบ้าง เพราะศรัทธาที่เคลือบไว้ด้วยความอยากและการค้าขายเพียงอย่างเดียว อาจไปไม่รอดในสังคมดิจิทอลที่มองทุกอย่างเป็นตัวเลขวิ่งขึ้นวิ่งลง ผู้คนในประเทศนี้ต่างก็ไขว่คว้าให้ได้มาซึ่ง เหรียญองค์ท้าวจตุคามฯ แล้วก็อยากได้กันคนละหลาย ๆ องค์ ไว้เพื่อปล่อยต่อในราคาสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยหลงลืมศรัทธาจริงแท้ มูลเหตุแห่งความนับถือไปเสีย เห็นองค์ท่านเป็นเพียงวัตถุที่ทำเงินได้เพียงด้านเดียว
พุทธศาสดาของเรา ท่านทรงสอนให้บูชาบุคคลที่ควรบูชาอยู่แล้วในมงคล ๓๖ ประการซึ่งเป็นหลักของความดีต่อสังคม การบูชาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด บูชาครูอาจารย์ผู้ให้ความรู้ และเทวดาก็เป็นบุคคลที่ควรบูชาด้วยเช่นกัน ในการเจริญสมถกรรมฐานได้บัญญัติวิธีทำสติไว้ใน อนุสสติ ๑๐ ข้อ ๖ คือ...
เทวตานุสสติ อันหมายถึง การระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้บุคคลได้เป็นเทวดาอยู่เนื่อง ๆ บุคคลจะจุติเป็นเทวดาได้ จะต้องทำความเพียรไว้มากมาย บุคคลนั้นต้องมีทั้ง ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ มีศรัทธา วิริยะ หิริ โอตตัปปะ และปัญญา เมื่อจิตระลึกนึกไปถึงความเพียรที่ท่านได้ทำอย่างนั้น ๆ แล้วจะเกิดกำลังใจให้เราประพฤติปฏิบัติธรรมต่าง ๆ อย่างนั้นเพื่อให้เราได้รับผลได้เป็นเทวดาอย่างท่านบ้าง
แต่ที่เห็นขาดกันมาก ๆ ก็ หิริ (ความเกรงกลัวต่อบาป) โอตตัปปะ (ความละอายต่อบาปที่จะกระทำ) นี่แหละ เมื่อคนไม่เกรงกลัวบาปไม่ละอายต่อกรรม สังคมองค์รวมย่อมเสื่อมทรามลง เกิดปัญหากระทบกันไปในวงกว้าง กับทุกวงการ ปัญญาที่มีกลับเอาไปใช้ในทางอกุศล สร้างบาปที่วิจิตพิสดารกันขึ้นไปอีก สิ่งที่ได้ก็คือการค้าขายกับศรัทธาและความงมงายของผู้คน เป็นไปได้และเป็นไปแล้วที่ของออกจากวัด ๔๙ , ๙๙ หรือ ๑๙๙ บาท ผ่านไปเพียง ๒ – ๓ มือ ในหนึ่งวัน ราคาเปลี่ยนเป็นหลักพัน เป็นหมื่นไปได้ แถมของมีเฉพาะที่แผง แต่ไม่มีที่วัด เหมาะสมแล้วกับประโยคเด็ดที่ว่า
“ ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่เหือดแห้ง มึงมีกูไว้ไม่มีจน ”
ก็เห็นมีกันทุกคนแล้ว (คนละหลาย ๆ องค์ด้วย) พวกเขาก็ยังจนกันอยู่เลย จะมีก็แต่คนขาย+นายทุกหลักนั้นแหละที่รวยแบบอภิโคตะระมหึมามหาเศรษฐีขึ้นทุกทุกรุ่นที่ทำ... ก็อยากจะขอติไว้ให้ระวังกันบ้าง เพราะยังมีอีกประโยคเด็ดที่กล่าวไว้ว่า
“ กูให้มึงได้ กูเอาคืนได้ ”
ออกมาหยุดกระแสรวยไม่ลืมหูลืมตาอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเอามาปั่นกันให้ดังเท่านั้น (จาก เทวาภิวัฒน์ เนชั่นสุดสัปดาห์ หน้า ๑๔ ) ผู้เขียนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องของคนมากว่าเรื่องของเทพฯ องค์เทพท่านมีเมตตา ท่านมาโปรดสัตว์โลกไปทั่วทุกหัวระแหงอยู่แล้ว ท่านคงอยากให้ชาวบ้านร้านตลาดมีท่านไว้บูชาในราคาไม่แพงเวอร์และไม่มีทำปลอมด้วย สาธุ
หากสังเกตรูปปั้น ท้าวจุตคาม ท้าวรามเทพ พี่น้องสองกษัตริย์ ที่ประทับอยู่ข้างบันไดทางขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นั้นเหมือนจะมีไว้เตือนใจพวกเราว่า องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในเขตแคว้นแดนใต้ สมมุติเทพผู้เปี่ยมไปด้วยบารมีธรรม ๑๐ ประการแห่งพระโพธิสัตว์ นั้นยังคงเฝ้าพิทักษ์ปกปักษ์รักษาพระสารีริกธาตุและพระพุทธศาสนามานานหลายร้อยปีแล้ว ผู้อ้างว่านับถือเคารพศรัทธาต่อองค์ท่านก็อย่าได้หลงลืมหรือหลงเพลินมองข้ามภารกิจอันสำคัญที่พระองค์ท่านทั้งสองได้เพียรกระทำไว้เป็นแบบอย่าง จนได้รับการยอมรับนับถือและจุติขึ้นเป็น อมรเทพเทวาผู้ยิ่งใหญ่ ในกาลต่อมา
เทวตานุสติ... องค์เทวากษัตราธิราชทั้งสอง ยังเสื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ ดำรงตนตามบทบัญญัติแห่งธรรมะ เผยแผ่สัจจะธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนาไปให้ไพศาล ผมทายได้เลยว่า ถ้าท่านทั้งสองคิดจะแขวน ท้าวจุตคาม ท้าวรามเทพ ท่านต้องแขวนพระพุทธะแน่นอน...
ผมมั่นใจ...
ศักย์ภูมิ
๖ พ.ค. ๒๕๕๐
.....................................................................................
" เทวตานุสติ "
เอาล่ะ...พวกเรามี องค์จุตคาม ไว้แขวนบูชากันครบทุกคนแล้วหรือยัง ?
นี่ถ้าไม่พูดถึงเรื่อง จุตคามรามเทพ เลยในรอบปีนี้ก็คงจะถูกหาว่าเชยเสียแล้ว
ในยุคเทวาภิวัฒน์ โหมกระหน่ำสื่ออย่างรุนแรง ท้าทายความเชื่อความศรัทธาที่เคยมีมา เป็นศรัทธาที่ครอบอยู่ด้วยความหวัง ความหลงงมงายอยากได้ใคร่มี ที่ต้องสะกิดกันไว้บ้าง แต่อย่ากระนั้นเลย ถึงจะมีแต่ศรัทธาเพียงบางส่วน ก็ยังนับว่ามีดีอยู่บ้าง ก็ขอให้หันมามองในส่วนดีที่ได้กันจะดีกว่า พวกเราจะได้ใช้สมองด้านดีดีทำงาน ขบคิด มองโลกในแง่ดีนิด คิดเผื่อให้สังคมสักหน่อย เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่คอยทอดถอนลมหายใจ เพื่อให้ใครบ้างคนได้คิด สักคนก็ยังดี...
หลายคนยังไม่รู้เลยว่า องค์พ่อจตุคามรามเทพ ที่กำลังดังกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่นี้ท่านเป็นใคร ? ทำอะไรเอาไว้ ทำไมพวกเขาถึงได้อัญเชิญขึ้นคอกันที ๓ - ๔ องค์ใหญ่ ๆ เบียดเอาที่พระพุทธ-พระสงฆ์ที่เคยครองใจลงไปได้ ทำให้ราคาในแผงเช่า ในตลาดพระเครื่อง,เทพเครื่อง ปั่น ปั่น ปั่นและป่วนไปทั่วประเทศ ธุรกิจในเครือหลากหลายต้องพลอยเดือดร้อนกับใบรายการสั่งซื้อสินค้าที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เงินทองสะพัดไปทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวพันอยู่ แม้กระทั้ง พี่พรรับปะเสื้อผ้า น้าชัยคนขายไก่ย่าง ก็พลอยติดหางเลขไปด้วย รวยไปหลายหมื่นบาท เพราะความหาญกล้าไปท้าทาย ราชันดำ จ้าวแห่งทะเลใต้ องค์นี้เข้า ยิ่งทำให้ จตุคามฯ แน่จริง ดังจริง รวยจริง แบบไม่ต้องการเหตุผลกันขึ้นไปอีก เอ้า! ขอได้ ไหว้รับ...
ผู้เขียนเองก็ไม่ได้ตกยุค เพราะได้รับเหรียญจตุคามฯ ปี ๓๐ มาองค์หนึ่งจากพี่ที่นับถือกัน เมื่อหลายปีมาแล้ว ได้แต่ถามว่า “ พระอะไรครับ ? พี่ ” และถามความเป็นมา พี่เขาก็บอกเพียงว่า " ท่านเป็นผู้ปกป้องพุทธศาสนาในยุคอาณาจักรศรีวิชัยโน่น " งั้นก็เท่ากับว่า เหรียญที่ให้มีความเกี่ยวพันและมีส่วนช่วยส่งเสริมพุทธศาสนา ผมรับไว้และขอบคุณมากครับพี่...
ในฐานะพุทธมามกะ (ผู้ประกาศตนว่านับถือพระพุทธศาสนา) ใคร่ขอให้ทุกท่านมองเหตุการณ์นี้ด้วยปัญญาอย่างพุทธะบ้าง เพราะศรัทธาที่เคลือบไว้ด้วยความอยากและการค้าขายเพียงอย่างเดียว อาจไปไม่รอดในสังคมดิจิทอลที่มองทุกอย่างเป็นตัวเลขวิ่งขึ้นวิ่งลง ผู้คนในประเทศนี้ต่างก็ไขว่คว้าให้ได้มาซึ่ง เหรียญองค์ท้าวจตุคามฯ แล้วก็อยากได้กันคนละหลาย ๆ องค์ ไว้เพื่อปล่อยต่อในราคาสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยหลงลืมศรัทธาจริงแท้ มูลเหตุแห่งความนับถือไปเสีย เห็นองค์ท่านเป็นเพียงวัตถุที่ทำเงินได้เพียงด้านเดียว
พุทธศาสดาของเรา ท่านทรงสอนให้บูชาบุคคลที่ควรบูชาอยู่แล้วในมงคล ๓๖ ประการซึ่งเป็นหลักของความดีต่อสังคม การบูชาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด บูชาครูอาจารย์ผู้ให้ความรู้ และเทวดาก็เป็นบุคคลที่ควรบูชาด้วยเช่นกัน ในการเจริญสมถกรรมฐานได้บัญญัติวิธีทำสติไว้ใน อนุสสติ ๑๐ ข้อ ๖ คือ...
เทวตานุสสติ อันหมายถึง การระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้บุคคลได้เป็นเทวดาอยู่เนื่อง ๆ บุคคลจะจุติเป็นเทวดาได้ จะต้องทำความเพียรไว้มากมาย บุคคลนั้นต้องมีทั้ง ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ มีศรัทธา วิริยะ หิริ โอตตัปปะ และปัญญา เมื่อจิตระลึกนึกไปถึงความเพียรที่ท่านได้ทำอย่างนั้น ๆ แล้วจะเกิดกำลังใจให้เราประพฤติปฏิบัติธรรมต่าง ๆ อย่างนั้นเพื่อให้เราได้รับผลได้เป็นเทวดาอย่างท่านบ้าง
แต่ที่เห็นขาดกันมาก ๆ ก็ หิริ (ความเกรงกลัวต่อบาป) โอตตัปปะ (ความละอายต่อบาปที่จะกระทำ) นี่แหละ เมื่อคนไม่เกรงกลัวบาปไม่ละอายต่อกรรม สังคมองค์รวมย่อมเสื่อมทรามลง เกิดปัญหากระทบกันไปในวงกว้าง กับทุกวงการ ปัญญาที่มีกลับเอาไปใช้ในทางอกุศล สร้างบาปที่วิจิตพิสดารกันขึ้นไปอีก สิ่งที่ได้ก็คือการค้าขายกับศรัทธาและความงมงายของผู้คน เป็นไปได้และเป็นไปแล้วที่ของออกจากวัด ๔๙ , ๙๙ หรือ ๑๙๙ บาท ผ่านไปเพียง ๒ – ๓ มือ ในหนึ่งวัน ราคาเปลี่ยนเป็นหลักพัน เป็นหมื่นไปได้ แถมของมีเฉพาะที่แผง แต่ไม่มีที่วัด เหมาะสมแล้วกับประโยคเด็ดที่ว่า
“ ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่เหือดแห้ง มึงมีกูไว้ไม่มีจน ”
ก็เห็นมีกันทุกคนแล้ว (คนละหลาย ๆ องค์ด้วย) พวกเขาก็ยังจนกันอยู่เลย จะมีก็แต่คนขาย+นายทุกหลักนั้นแหละที่รวยแบบอภิโคตะระมหึมามหาเศรษฐีขึ้นทุกทุกรุ่นที่ทำ... ก็อยากจะขอติไว้ให้ระวังกันบ้าง เพราะยังมีอีกประโยคเด็ดที่กล่าวไว้ว่า
“ กูให้มึงได้ กูเอาคืนได้ ”
ออกมาหยุดกระแสรวยไม่ลืมหูลืมตาอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเอามาปั่นกันให้ดังเท่านั้น (จาก เทวาภิวัฒน์ เนชั่นสุดสัปดาห์ หน้า ๑๔ ) ผู้เขียนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องของคนมากว่าเรื่องของเทพฯ องค์เทพท่านมีเมตตา ท่านมาโปรดสัตว์โลกไปทั่วทุกหัวระแหงอยู่แล้ว ท่านคงอยากให้ชาวบ้านร้านตลาดมีท่านไว้บูชาในราคาไม่แพงเวอร์และไม่มีทำปลอมด้วย สาธุ
หากสังเกตรูปปั้น ท้าวจุตคาม ท้าวรามเทพ พี่น้องสองกษัตริย์ ที่ประทับอยู่ข้างบันไดทางขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นั้นเหมือนจะมีไว้เตือนใจพวกเราว่า องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในเขตแคว้นแดนใต้ สมมุติเทพผู้เปี่ยมไปด้วยบารมีธรรม ๑๐ ประการแห่งพระโพธิสัตว์ นั้นยังคงเฝ้าพิทักษ์ปกปักษ์รักษาพระสารีริกธาตุและพระพุทธศาสนามานานหลายร้อยปีแล้ว ผู้อ้างว่านับถือเคารพศรัทธาต่อองค์ท่านก็อย่าได้หลงลืมหรือหลงเพลินมองข้ามภารกิจอันสำคัญที่พระองค์ท่านทั้งสองได้เพียรกระทำไว้เป็นแบบอย่าง จนได้รับการยอมรับนับถือและจุติขึ้นเป็น อมรเทพเทวาผู้ยิ่งใหญ่ ในกาลต่อมา
เทวตานุสติ... องค์เทวากษัตราธิราชทั้งสอง ยังเสื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ ดำรงตนตามบทบัญญัติแห่งธรรมะ เผยแผ่สัจจะธรรมคำสอนแห่งพระพุทธศาสนาไปให้ไพศาล ผมทายได้เลยว่า ถ้าท่านทั้งสองคิดจะแขวน ท้าวจุตคาม ท้าวรามเทพ ท่านต้องแขวนพระพุทธะแน่นอน...
ผมมั่นใจ...
ศักย์ภูมิ
๖ พ.ค. ๒๕๕๐
.....................................................................................
04 สิงหาคม, 2550
คู่แรด คู่ป่วนภารกิจ
เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้ภารกิจครั้งนี้ออกนอกทางไปบ้าง
ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของ ทีมงานตัดและต่อมือสมัคเล่นอย่างพวกเรา ย่นคุง กะ ยุ่งคุง
มาทำหน้าที่เล่าเรื่องแทน ครูแหลม ครับ
เริ่มจากงานบวงสรวง ไหว้ครู ก่อนครับ เพื่อความเป็นสิริมงคล
"...." - เซกิ ๆ ตื่นได้แล้ว เขาจะซ้อมกันแล้วนะ น้าหม่ำ มารอนานแล้ว (เอ๊ะ ! เสียงใคร)
หม่ำ - ไม่เป็นไร พี่รอได้
เอ้า 1.2.3. ยิ่มมมมม (แหม! นี่เราสวยเท่า ๆ กันเลยนะนี่)
อิ๊ด - นักแสดงจะมาเข้าฉากแล้ว ลงไปลงไป นี่ๆๆๆๆ
ไปเตรียมของได้แล้วววว
โชค - แหม!! ตกแต่งฉากมาทั้งคืน ขอนอนหน่อยน่า น้าอิ๊ด
หม่ำ - คนที่ต้องตกน่ะ แกต่างหาก ...ผิดคิวแล้ววว
ปราบต์ปฏล - หึหึหึ (มันมากับความมืด)
เซกิ - ทำไม ไปไหน มาไหนต้องมีแม่มาคุมทุกที่เลย..
กอล์ฟ - ก็คุณแม่หวงนี่ค่ะ พี่เซ...
วศิน - ทำไม ! ภาพออกมาแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น น้าอิ๊ด
(..* น้าสิน คนที่เล่นเป็น เซียนพระ ใน แสบสนิทฯ ไง คนเนี้ยจี้เส้นสุดๆๆ )
อิ๊ด - เอ๊ะ ผมผมผมไม่ได้เปลี่ยนบทของ น้าสิน นะ
ครูแหลม - อุ๊ย ๆ ๆ หลุด ๆ ๆ น้าสิน ดูๆๆๆๆๆ
วศิน - อะจ๊ากกกกกกก ภาพในจอหลุด หายยยยย
....... ใครอยู่ใกล้ปลั๊ก เสียบคืนที
ลุงสมิงขาว ตั้งใจ + ยอมตามใจ ให้ย้อนยุค สี่เต้าทอง... เอ๊ย !! เต่าทอง
หม่ำ - ปะปะปราบต์ เฮ้ยย จิ้มมันดีดีนะ อย่าติดเรดาล่ะ
ปราบต์ปฏล - ครับน้าหม่ำ ตามคิว เป๊ะๆๆ ครับ เสียบตรงนี้เลย ครูแหลม สั่งมา
หม่ำ - ว้ายยยยย วี๊ดดดดด กะตู้วู้ววววว!!!!
เทคนิคแบบเฉินหลงทำกันนะครับ เชื่อ สายเชีย เถอะดูงานมาเยอะแล้ว
สายเชีย - แกเฉย ๆ ๆไว้ แกเชื่อฉันไหมเหล่า
นก ใต้ - เชื่อครับพี่ เชื่อๆๆ กะเซกิถีบหน้ามาตั้ง 5เทค แล้วอ่ะ ให้พี่เชีย ถีบดีกว่า
(..* น้าสายเซีย แกดังกะโฆษณา จน เครียด กินเหล้า ครับ จำกันได้ทั้งบ้านทั้งเมือง)
ครูแหลม - เซกิ มาแล้วเหรอ มาซ้อมได้แล้ว
เซกิ - ครูแหลมครับ เดี๋ยว ขอกินกาแฟ ก่อนได้ไหมครับ .... ขอบคุณครับ
.........
เซกิ - ซ้อมแล้วนะครับ
หม่ำ - 555 ฉากต่อไปเอาอย่างนั้นเลยเหรอ 555
วศิน - คร้าบ น้าหม่ำ ผมต้องการบีบอารมณ์คนดูครับ 555
หม่ำ - เอ้า เอาตามนั้นนะ ได้ได้ 5555
เซกิ - พระเอกรูปหล่อมาช่วยแล้ววววววว
ปราบต์ - หึหึหึ เรื่องความหล่อ ผมก็ไม่ถอยใครเหมือนกัน เอ้าพรรคพวกตามมา
(..* ฉากนี้ไม่มีในหนังง่ะ )
หม่ำ - หุหุหุ ฉากนี้ !!เอายังงี้แน่นะ น้าสิน !!
วศิน - ไม่เป็นไรครับ น้าหม่ำ ชัวร์ ครับ ชัวร์ 555
หม่ำ - ชัวร์ แน่นะ น้า ...น้ามายืนเองมั้งซิ เสียวโว้ยยยยย *#$#%*<
หม่ำ - เอ้า คิดมุกคิดแม๊ก กันเข้าไป ไม่ต้องห่วง หม่ำเล่นได้หมด
สายเชีย - เอ้าอึ๊บบบบ นพ แกนี่หนักกี่โลว่ะนี้
ครูแหลม - น้าเชีย พอได้แล้ว พอแล้ว คิวนี้ไม่เอาแล้ว คัทๆๆๆ
ไข่มุก - มุกซะอย่าง คนสวย ๆ ต้องรีบวิ่งเข้าประกบ คนมันกะลังดัง ฮิๆๆๆๆๆ
....พักฮ้า เต้นมาตั้งสองชั่วโมงแล้วฮ้า สั่งเต้น สั่งคัท คัทคัทเต้นเต้น เหนื่อย
จิ๋ว - มาเลยยย ลิลลี่(เด็ก) ไม้มวยไทยเอ๊งไม่เท่าไหร่หรอก
ลิลลี่ - น้ำหนักชั่งเมื่อเช้า เท่าไหร่ น้าจิ๋ว
นพรัตน์ - นี่ ฉากนี้ต้องใส่อารมณ์แบบนี้ มันถึงจะเอาอยู่ ทำได้นะ
ปราบต์ - ได้ครับ พี่โจ
ครูแหลม - เดี๋ยว พอเจ้าดำ บุกเข้ามา น้าหม่ำ ก็ยกเข่าแล้วลง ท่าเสือลากหาง เลยนะ
หม่ำ - นี่ ! ท่าคุ้น ๆ นะนี่ มวยไชยา ใช่เหรอเปล่า จำท่าได้
หม่ำ - สบายมาก ท่านี่เปล่า ท่ามวยไชยา ...
ครูแหลม - อะ พอได้ครับ น้าหม่ำ พอได้ หาดูยากกก
หม่ำ - เฮ้ยยย ดำ ดำ บีบแรงไปแล้วโว้ย อย่าทำเกินบทซิว่ะ
ดำ - น้า นั้นแหละ บีบแรงก่อน
วศิน - อะจ๊ากกกกก มวยไชยา เหอๆๆๆ ต้องเจอกะ ฝ่ามืออะจ๊ากคุง ซะหน่อย
" งั้นต้องผ่านพวกผมไปก่อนซะแล้ววว " (เบิ้ม , ไอซ์ , ดำ / สามสมุนตัวกลั้นในเรื่องครับ)
วศิน - อะจ๊ากกกก พวกลิ้วล้อหลบไป เจ้าไม่คู่ควร
ครูแหลม - ไม่เอา ไม่เอา สันติ สันติ เราสงบแล้ว ขอให้ท่านนิ่งเสีย วางเฉยไว้
วศิน - อะจ๊ากกกก เป็นเป้านิ่ง นะจิ ไม่ว่า
น้องส้ม - อะ พี่หม่ำ อะ มองตาซิคะ มองตา ...
หม่ำ - ส้มเอ๋ย พี่มองตาแล้ว แต่คิ้วมันอยู่ต่ำว่ะ ... อะเจือกกก
น้องส้ม - !!!!!!
เซกิ - เกิดอะไรขึ้น เซกิ ผู้พิทักษ์มาช่วยแล้ว
ครูแหลม - เซกิ มาแล้วเหรอ มาซ้อมได้แล้ว
เซกิ - ครูแหลมครับ เดี๋ยว ขอกินกาแฟ ก่อนได้ไหมครับ .... ขอบคุณครับ
ปราบต์ - กินกาแฟ ทั้งปี !!!!
หม่ำ - เอ้าวันนี้วันเกิดเซกิ เอ้าเอาไปกินกะกาแฟ นะ
เซกิ - อาริกาโตะ (น้ำตาไหลพราก...)
สายเชีย - " ต่อให้ดาวบนฟ้า ไม่เคยทอประกาย...ถึงเรา "
(- แสดงเป็นแมลงสาบ ช้างน้ำ คิงคอง อะไรๆๆก็ทำมาหมดแล้ว งานนี้หมูมากกกกค่า ขอบอก)
ครูแหลม - เซกิ กินเสร็จแล้ว มาซ้อมต่อนะ ยังต้องถ่ายซ่อมฉากจบอีกนะ
เซกิ - ครับ ได้ครับ ครูแหลม ขอกินกาแฟอีก สองแก้วก่อน...นะครับ
ย่นคุง - นาน ๆ จะเห็นครูแหลม แต่งตัวตามสมัยกะเขาซะที เออ พอทนดูได้นะ (แซวครับ)
หม่ำ - อ้าว ! จบแล้วเหรอ ว้าว กำลังอินเลย จะทำภาคต่อไหมละ น้าสิน
วศิน - อะอะ ยังครับ น้าหม่ำ ขอดูตัวเลขก่อนนะครับ ถ้าสวย เรามาทำกันอีกสัก 2 ภาคเลยเอ้า
ปราบต์ - จบซะที ได้ยิ้มแล้ว เฮ้อ โล่งอก (เดี๋ยวคนดูจะติดภาพดาวร้าย)
วศิน - ปิดกล้องแล้ว พวกเดียวกันนะตัวเอง น่ะ
ครูแหลม - ฮิ ๆ ๆ ๆ
(..* หักหลังดาราจำเป็น ขอหน่อยนะครับครู อ่า หลาย ๆ คนเขาอยากเห็นอ่ะ หาดูยาก 555 )
ปิดกล้องซะที เวลาปีนี่มันเร็วจังนิ ขอให้หนังได้สัก 150ล้าน ทีเถอะ
เซกิ - หมีแพนด้า หมีแพนด้า ห้าห้าห้า สักแก้วมะพี่ เอ๊ย น้า
วศิน - ไม่อะ บอยไม่ดื่ม ฮ้า
"ภาพยนตร์อวสาน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงาน "
"ขอบคุณค่ะ"
เซกิ - จบแล้วครับ สวัสดีครับ
หม่ำ - ฮา จบนะ ฮา ๆ ๆ ขำอ่ะ ไม่ดูไม่ได้แล้วววว
***************************************************
ป่วนชายกระโปงคู่แรดโดย - ย่นคุง กะ ยุ่งคุง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)