sakkapoom.blogspot.com

.......................................................
ผ่านทาง... สร้างประสบการณ์ ให้ชีวิต
ผ่านชีวิต... สร้างจิตสำนึก ต่อสังคม
ผ่านสังคม... มอบสิ่งดีงาม เอาไว้ให้
ผ่านไป... ชีวิตวางทางไว้เบื้องหลัง จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้หันกลับไปมอง.


20 มีนาคม, 2552

โลกวันนี้...

นิตยสาร Finacial Friidom ...(คิดต่าง ทางเดียวกัน)
ฉบับที่ 3 ตุลาคม-พฤศจิกายน 2549โลกวันนี้

แต่เดิม...โลกว่างเปล่า ไร้ระบอบการปกครองแบบใดใดล่องลอยอยู่ในม่านฟ้า แม้ในแผ่นดินลึกลงไปถึงขั้นหินร้อน หรือเหวมหาสมุทร ทะเลกว้าง ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นผลมาจากการแตกตัวของจักรวาล และแรงเหวี่ยง โลกหมุนตัวผ่านความเย็นความร้อนนานวัน จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวะซับซ้อน กลายรูปแปรพันธุ์ ชีวิตจึงอุบัติ อันเป็นผลจากแรงขับดันของมารดาทุกสรรพสิ่ง นั่นคือ...กฎแห่งธรรมชาติ ทุกอย่างมีเพียงดำรงอยู่ เพียงเป็นไป…


โลก ในความเป็นจริงทางธรณีวิทยา ไม่มีเส้นขั้น เขตแดน เส้นแวง เส้นรุ่ง หรือ
เส้นแบ่งเวลา ทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ซึ่งบัญญัติขึ้นเพื่อทำหน้าที่หนึ่ง โลกไม่มีรอยต่อ มีเพียงแผ่นดินผืนเดียวที่แยกตัว เคลื่อนออก ประชากรโลกล้วนมี สัญชาติ และเชื้อชาติแบบคละเคล้า เจือจาง
รากเหง้าเผ่าพันธุ์เดิมแท้บริสุทธ์ได้หมดไปนับแต่ครั้งที่มนุษย์รู้จักใช้สองเท้าเดิน แบบกระดูกสันหลังแนวดิ่ง พวกเขาสัญจรไปทั่วโลก กระจายเม็ดพันธุ์ความอยากกระหาย แย่งชิง และทำลาย ไปทั่วทุกถิ่นดินน้ำฟ้าป่าเขาทะเลไกล
สัตว์สังคมของแต่ละยุคสมัย นำพาโลกเข้าสู่ยุคเข็ญครั้งแล้วครั้งเล่า ยุคล่าขยายอาณานิคม ยึดครองเมืองขึ้น ยุคสงครามทำลายล้าง ยุคอุตสาหกรรมทำลายทรัพยากร ฯลฯ ยุคเหล่านี้ผลัดเปลี่ยนกันมา แปลงโฉมหน้าอันงดงามของโลกสีฟ้าใบนี้ ให้แลดูอัปลักษณ์ บิดเบี้ยว ธรรมชาติของโลกพิกลพิการไปมาก จากยุคแรกเริ่มเดิมทีของการมีมนุษย์ ยิ่งปัจจุบันนี้แล้ว สิ่งประดิษฐ์วิทยาการ และอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่าง ล้วนแต่นำมาซึ่งรอยร้าว บาดแผลบาดลึก คราบน้ำตา ฝากทิ้งไว้ทั้งสิ้น
กับโลกปัจจุบัน ยุคสมัยของการล่าอาณานิคม ยึดเมืองขึ้น เพื่อขยายเขตการปกครองตักตวงผลิตผล และทรัพยากรธรรมชาติได้หมดไปแล้ว ในยุคแห่งสังคมบริโภคนิยมเกินอิ่ม บรรษัทเงินทุนข้ามชาติยักษ์ใหญ่พวกเขาไม่ต้องการเมืองขึ้น หรือการปกครอง ไม่ต้องการอำนาจทางการทหารที่สิ้นเปลือง พวกเขาเพียงหยิบยืมอำนาจรัฐ ยึดกุมความปราถนา ความหลงใหลใคร่อยาก ยึดกุมระบบเศรษฐกิจ ชักใยค่าเงิน ช่วงชิงหลอกล่อเหยื่อไว้ด้วยราคาที่ถูกกว่า และสินค้า,แฟชั่นล้ำสมัย...



(ดนตรีบรรเลงนำ พร้อมเสียงแอ็คโค่ๆๆๆของผู้ประกาศ) ...และบัดนี้ ถึงเวลาการเปิดฉากใหม่... ขอเสียงปรบมือให้กับ ยุคสมัยแห่งสงครามการค้าเสรี ทุนนิยมแบบหวงก้าง ที่มาถึงงงง...
ระบอบการปกครองประชาธิปไตย หรือสังคมนิยม ในประเทศทั้งที่กำลังพัฒนา พยายามพัฒนา และพัฒนาแล้ว ทั้งหมดล้วนถูกครอบงำด้วยเงื่อนไขทางการค้าเสรีใหม่ ๆ พวกเขาเป็น
ผู้เลือกตัวจริงที่ครอบงำปัจจัยพื้นฐานในหลาย ๆ ด้านเอาไว้ และสร้างปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาสามารถจัดแจง กำหนดให้ผู้คนทั้งสองระบอบ ได้เสพรับอาหารชนิดเดียวเดียวกัน รสชาติไม่แตกต่างกัน จากบริษัทที่มุ่งเน้นทำการค้าอสังหาริมทรัพย์มากกว่าขายค้าอาหารคุณภาพ และยังเป็นผู้คอยกำหนดให้พวกเราสวมใส่เสื้อผ้าชนิดเดียวกัน รูปทรงแบบเดียวกัน ที่มาจากบริษัทจากประเทศที่ทำตัวเป็นเจ้าแห่งแฟชั่นชั้นนำของโลก ซึ่งแล้วแต่ว่าเขา หรือเธอจะคิดสรรชักนำรูปทรง เสื้อผ้า หน้า ผม ฯลฯ ให้แปลกประหลาดพิสดาร ไปเพียงใด เหยื่อผู้หลงใหลก็ยังคอยตอบสนอง จับตามองเทรนด์ในปีต่อ ๆ ไปด้วยใจจดใจจ่อ
(...มันไม่ใช่ความผิดของเราเลย จริงไหม ที่เราจะหากินหาใช้ ก็เงินของเราแลกหามาเพื่อซื้อความสุขส่วนตัวของคนที่เรารัก และตัวเราเอง ที่จริงแล้ว ควรเป็นความผิดพลาดในนโยบายของรัฐบาลสักรัฐบาล กระทรวงที่รับผิดชอบสักกระทรวง แหละน่า ! ที่ไม่หาทางป้องกัน ปล่อยให้สินค้าบรรดมีทั้งหลายทะลักเข้ามา โฆษณาย้ำแล้วย้ำอีก จนทำให้เราเสพคุ้น คุ้นชินกับสิ่งล่อใจต่าง ๆ เหล่านี้เอง อย่างว่าง่าย...จริงไหม)



แล้วโลกวันนี้เป็นเช่นไร เสถียรภาพทางการค้าของประเทศยังมีอยู่หรือไม่ คุณว่า... ประเทศของเราควรจะใส่ใจวัดความสุขมวลรวมของประชาชน กันหรือเปล่า ?
ผมว่าน่าจะลองวัดกันดูเล่น ๆ นะครับ ว่าประเทศของเรามีความสุขขาดเขินเกินพอไปไหม จนต้องจัดให้มีการแบ่งพื้นที่เขตสงวนความสุข-สงบ ยกระดับปรับความสมดุลย์ทางจิตใจให้ใกล้ชิดหลักธรรม เพื่อให้ผู้คนรู้จักกินเท่าที่จะกิน รู้จักใช้หาเท่าที่จะต้องหาใช้ ให้มีภูมิต้านทานต่อสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าโฆษณาเกินจริง สินค้าไร้สารก่อประโยชน์ และสินค้าบ่อนทำลายขนบ, ประเพณี, วัฒนธรรม...


สำหรับโลกใบเดิมวันนี้ กับอายุที่ล่วงเลยมากว่า ๑๑,๕๐๐ ล้านล้านปี อาจจะนาน แต่โลกก็คงยังไม่คุ้นกับการกระทำของมนุษย์เช่นเคย ภูมิคุ้มกันของโลกไม่ได้บกพร่อง แต่โลกกำลังสนองตอบต่อผู้ทำลายสมดุยล์ และสร้างภาวะต่าง ๆ ไว้กับสภาพแวดล้อม เพราะความอยากได้ใคร่มีที่มากเกินพอดีของมนุษย์บางคน...
เป็นโชคดีที่ประเทศของเรามี วัคซีนชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ป้องกันไวรัสความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมได้ชงัก คุณรู้บ้างไหม ? วัคซีนนี้ใช้คุ้มกันปกป้องได้ทั้งคนใจเบาอย่างเราเรา และโลก ให้รู้จักอดทนอดกลั้น ยับยั้งช่างใจ คิดใตร่ตรอง ต่อพาหะนำเชื้อสื่อสิ่งเร้าทั้งหลาย ที่แฝงมาในรูปของปัจจัยที่๔ – ๕ – ๖ ฯลฯ สร้างภูมิคุ้มกันไว้แม้จะสายไปบ้างก็ตาม...
เมื่อมนุษย์ในโลกแข็งแรงแล้วโลกของเราก็จะแข็งแรงไปด้วย คุณเองก็รู้จักวัคซีน (แนวคิด)
นี้แล้ว ยาตัวนี้ชื่อ “พอเพียง” ใช่ครับ.



.............................................